10ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เดดซี(Dead sea)

สิ่งแวดล้อม

เดดซี (Dead sea) หรือที่รู้จักในชื่อทะเลสาปมรณะ ซึ่งเป็นทะเลสาปเกลือ ทะเลเดดซีอยู่ระหว่างเทือกเขายูเดียที่ด้านเหนือ และที่ราบสูงทรานสจอร์แดนที่ด้านตะวันออก มีความลึกประมาณ400เมตร มีระดับความเค็มกว่าน้ำทะเลปกติถึง8.6เท่าทำให้เดดซีเป็นทะเลสาปที่เค็มที่สุดในโลก อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะลถึง 417.5เมตร เป็นทะเลที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย นอกจาก เห็ดราและแบคทีเรียบางชนิด

Photograph via New 7 Wonders of Nature

1. เดดซีอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 417.5เมตร ซึ่งเป็นพื้นดินจุดที่ต่ำที่สุดบนโลก

Photograph by David Shankbone

2. เดดซีมีความลึก400เมตร จึงเป็นทะเลสาปเกลือที่ลึกที่สุดในโลก และยังเป็นทะเลสาปที่ปิดตายไม่มีทางออกไปสู่ทะเล ทำให้มีความเข้มข้นของ โซเดียมคลอไรด์และแร่ธาตุอื่นๆมากกว่าทะเลปกติหลายเท่า

Photograph by Indyblue on Flickr

3. ด้วยความเค็มที่มากกว่าทะเลปกติถึง 33.7% เดดซีจึงเป็นหนึ่งในทะเลสาปที่เค็มที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีทะเลสาปอื่นๆที่มีความเค็มสูงเช่น Assal (Djibouti), Garabogazköl และ McMurdo Dry Valleys ในแอนตาร์กติกา

Photograph by Pete

4. ด้วยความเค็มที่สูงมากนี้ทำให้ผู้คนที่สามารถลอยตัวได้อย่างง่ายดายในทะเลสาปเดดซี

Photograph by Wilson44691

5. เดดซีมีความเค็มมากกว่าทะเลปกติถึง 8.6เท่า ซึ่งทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้นอกจากแบคทีเรียและเห็ดราบางชนิด

Photograph by Mr. Kris on Flickr

6. เดดซีมีความกว้าง 18กิโลเมตร และยาว 67กิโลเมตร อยู่ในหุบเขาทรุดของจอร์แดนและมีแม่น้ำจอร์แดนไหลมาสู่

Photograph by Ian Bothwell on Flickr

7. เดดซีได้กลายเป็นศูนย์รักษาและวิจัยสุขภาพเนื่องจากหลายปัจจัยเช่น แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำ อากาศที่มีสารก่อภูมิแพ้ต่ำ รังสีอัลตร้าไวโอเล็ตจากรังสีดวงอาทิตย์ที่น้อยกว่าปกติ ความกดอากาศของพื้นที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลต่อสุขภาพ

Photograph by NASA Earth Observatory

8. ตามพระคัมภีร์ไบเบิล เดดซีเคยเป็นที่ลี้ภัยของพระราชาเดวิด และเคยเป็นพักตากอากาศของพระเจ้าเฮโรดมหาราช

Photograph by MarkGuitarPhoto on Flickr

9. ชาวอียิปป์เคยใช้น้ำมันดินที่พบได้จากทะเลเดดซีมาใช้เพื่อการทำมัมมี่

Photograph via New 7 Wonders of Nature

10.  ทางด่วนหมายเลข90 เป็นเส้นทางทีอยู่ต่ำที่สุดซึ่งลาดยาวไปจนถึงอิสราเอล และเวสแบ้งค์ อยู่ระดับต่ำกว่าน้ำทะล 393เมตร

 

ที่มา: twistedsifter.com
เรียบเรียง: SignorScience